วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ความหมายของคำว่า "รัก"






ความหมายของคำว่า "รัก" 

ัก...คือธาตุละเอียดที่ช่วยชะโลม หล่อเลี้ยง กายใจให้อยู่เย็นเป็นสุข อันประกอบไปด้วยคุณลักษณะดังต่อไปนี้ 

1.ใส...คือโปร่งใส่ ไม่มีสิ่งปิดบังซ่อนเร้น ให้ความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ หากเปรียบเป็นคน ก็เป็นคนที่ซื่อสัตว์จริงใจ เชื่อถือได้ เป็นต้น 

2.สะอาด...คือไม่สกปรก ไม่โสโครก ให้ความรู้สึกเย็นกายสบายใจ ถ้าเปรียบเป็นคน ก็เป็นคนที่รักตัวเอง รู้จักดูแลตัวเอง เป็นต้น 

3.บริสุทธิ์...คือไม่มีมลทิน ไม่มีจุดด่างพร้อย ให้ความรู้สึกอิ่มเต็มและภาคภูมิใจ ถ้าเปรียบเป็นคน ก็เป็นคนที่ไม่มีประวัติเสียๆหายๆ เป็นต้น 

4.ผุดผ่อง...คือไม่หมองคล้ำ ให้ความรู้สึกสดชื่น เย็นตาเย็นใจ ถ้าเปรียบเป็นคน ก็เป็นคนที่รู้จักยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา  

5.มั่นคง...คือไม่หวั่นไหว ไม่สะทกสะท้าน ให้ความรู้สึกมั่นใจ  ถ้าเปรียบเป็นคน ก็เป็นที่เชื่อถือได้ ไม่โลเล ไม่จับจด เป็นต้น 

6.แข็งแรง...คือไม่อ่อนแอ ไม่ปวกเปียก ให้ความรู้สึกชื่นบานและมีพลัง ถ้าเปรียบเป็นคน ก็เป็นคนที่มีกำลังกายกำลังใจที่เข้มแข็ง สามารถต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคได้ดี เป็นต้น 

7.ละเอียด...คือไม่หยาบกระด้าง ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวล เมื่อสัมผัสเข้าใกล้ ถ้าเปรียบเป็นคน ก็เป็นคนที่รู้จักกาละเทศะ มีจรรยามารยาท น่าคบหา 

8.ประณีต...คือไม่ขี้เกียจมักง่าย ให้ความรู้สึกพึงพอใจเมื่อพบเห็น ถ้าเปรียบเป็นคน ก็เป็นคนที่รู้จักเอาใจใส่คน สัตว์และสิ่งของที่อยู่รอบตัว ไม่มักง่าย ไม่เห็นแก่ตัว เป็นต้น 

จะเห็นได้ว่า คุณลักษณะของความรักนั้น เป็นไปในแง่บวก เสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับผู้ที่ได้ครอบครอง อันเนื่องจากธรรมชาติของคนเรานั้น เกิดมาพร้อมกับความทุกข์ คนจึงเสาะแสวงหาความรัก ไว้หล่อเลี้ยงกายใจให้เป็นสุข ซึ่งจะมากหรือน้อยนั้น ก็ขึ้นอยู่คุณภาพของความรักที่ได้ครอบครอง 

ุณประโยชน์ของความรัก 
1.ให้ความสุข 
2.ให้ความสำเร็จ 
3.ให้กำลังใจ 
4.ให้แรงบันดาลใจ 

ประเภทของ "คนรัก" 
เมื่อเราได้ศึกษาความหมายและรายละเอียดของคนกับความรักแล้ว ก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับการค้นหาความหมายของ "คนรัก" 
ซึ่งผมขอแบ่งประเภทตามความชอบใจของตนดังนี้ 

1.คนที่มีความรัก...คนๆนี้อาจเป็นคนที่มีความรักติดอยู่ในใจมาตั้งแต่เกิด หรืออาจจะเพิ่งเริ่มสร้างสรรค์ความรักให้เกิดขึ้นในจิตใจของตนก็เป็นไปได้ แต่ถึงยังไงก็นับเป็นคนที่มีความน่ารัก น่าคบหาอยู่ในตัว 

2.คนที่ให้ความรัก...คือคนที่มีน้ำใจเผื่อแผ่ ความสุขความสำเร็จที่ตนเองกำลังมีอยู่ให้คนอื่น ด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความเมตตากรุณา ความห่วงหาอาลัยเป็นต้น นับเป็นคนอีกหนึ่งประเภทที่สมควรได้รับความรักกลับคืนด้วยเช่นกัน 

3.คนที่ถูกรัก...คือคนที่ได้รับคัดเลือกจากใครบางคน หรือคนส่วนใหญ่ ว่ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับความรัก ดังนั้น คนๆนี้ จึงเป็นคนที่คุณงามความดีติดอยู่ในกายและใจ กลายเป็นคนที่น่ารักน่าเข้าใกล้ เป็นต้น 

4.คนที่รับรัก...คือคนที่เห็นคุณค่าในความรักของคนอื่น จึงไม่ปฏิเสธน้ำใจอันที่งามของผู้ที่ส่งมอบความรักมาให้ ด้วยความที่รู้จักเคารพ ยกย่องและให้เกียรติความรักของผู้อื่นเช่นนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งคนที่ควรค่ากับคำว่า "รักด้วยเช่นกัน 

ำไมถึงอยากมี "คนรัก" 

มนุษย์ที่เวียนว่ายตายเกิดกันมานับพบนับชาติไม่ถ้วน มีเป้าหมายเช่นเดียวกันหมด คือ 
1.ได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่รัก 
2.ได้ทำในสิ่งที่รัก 

สองข้อนี้...เป็นแลนด์มาร์คที่อยู่ในใจของผู้คนมาตั้งแต่เกิด แต่เพราะความมืดบอดในจิตใจ จึงทำให้ใครหลายๆคน มองไม่เห็นความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง จำทำให้คิดผิด พูดผิดและทำผิด เป็นสาเหตุให้ตนเองต้องเดินทางออกจากเป้าหมายของชีวิตไปโดยไม่รู้ตัว 

ถ้าคนเรามีสติปัญญากันสักนิด...ก็จะรู้ว่าทุกสิ่งอย่างที่คนเราทำมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหนังสือ ทำงาน เก็บเงิน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำก็เพื่อแลกเปลี่ยนกับรางวัลของชีวิต คือได้อยู่กับคนที่รักและได้ทำในสิ่งที่รักไปพร้อมๆกันด้วย ว่าง่ายๆก็คือ การเวียนว่ายตายเกิดของคนเรานั้น จำเป็นต้องมีความสุขและความสำเร็จ  

หากเกิดมาบนโลกใบนี้...แล้วต้องใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีสัตว์อื่นใดเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้เลย ก็ไม่แน่ว่าคนๆนั้น อาจจะบรรลุธรรมได้เอง โดยไม่ต้องมีใครคอยสั่งคอยสอน เพราะความเบื่อหน่ายโลก นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไม "คนจึงต้องการ "คนรักแต่เมื่อโลกใบนี้มีผู้คนมากมายให้เลือกเฟ้น และต่างก็ต้องการความรัก  
การที่จะรักคนอื่นได้นั้น...ก็ต้องรักตัวเองให้เป็นด้วย 

คนสารพัดขี้ 
โปรดติดตามตอนต่อไป 

ติชม ด่าทอ สาปแช่ง บอกรัก