วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เป็นดาวให้ยาวนาน



เป็นดาวให้ยาวนาน  

แม้คุณจะปฏิบัติตัวตามข้อแนะนำอันดีงามทั้งหมดที่ผมได้กล่าวมา แต่การจะเป็น "ดาว" ให้ยาวนานนั้น เป็นสิ่งที่พูดยากมาก เพราะมันเป็นเรื่องของอนาคต แต่คุณจงวางตัวให้เหมาะสม ให้พอดีและดีพอ ไม่จาบจ้วงล่วงเกินใครน่าจะดีที่สุด อย่าลืมว่าคนอื่นๆก็เป็นดาวเหมือนกัน ดาวชนดาว คงเรื่องใหญ่น่าดู จงให้ความเคารพกับนักแสดงรุ่นพี่ที่เกิดก่อน และจงให้เกียรตินักแสดงรุ่นน้องที่เกิดใหม่ แค่นี้ก็น่าจะอยู่ได้แล้วนะ  



ทำยังไงถึงจะเป็น “ซุปตาร์เบอร์หนึ่ง” ของเมืองไทย 

เมื่อเขียนมาถึงหัวข้อนี้ มือไม้ของผมก็ชักจะเริ่มสั่น เริ่มประม่าขึ้นมาทันที เพราะคำตอบที่ดีที่สุดน่าจะออกมาจากปากของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น "ซุปตาร์เบอร์หนึ่ง" ของเมืองไทยมากกว่า เพราะภูมิรู้ ภูมิธรรม และภูมิฐานของผมนั้นต่ำนัก ถ้าจะไปเทียบกับคำว่าซุปตาร์ แต่ก็พอจะอธิบายได้ว่า การที่จะเป็นซุปตาร์แถวหน้าขอเมืองไทย จะต้องมีคนที่รักมาก เมื่อมีคนที่รักมากก็ต้องรักตัวเองให้มาก เมื่อรักตัวเองมากก็ต้องดูแลตัวเองให้มากด้วยเหมือนกัน  
อย่าลืมว่าซุปตาร์ "ภาพลักษณ์" ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เมื่อปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะจะต้องดูดี ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ต้องเป็นคนที่พร้อมจะโชว์ตัวได้ทุกที่ทุกเวลา ดังนั้นคำว่าดูแลตัวเอง จึงหมายถึงทั้งเรื่องของสุขภาพและการวางตัว...และต้องเป็นคนที่มีทัศนคติที่ดีในการทำงาน ต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ยิ่งมีคนสนใจเรามากเท่าไหร่ ความสามารถและความรับผิดชอบก็ยิ่งต้องสูงมากขึ้นไปด้วย...ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่าการเป็น "ซุปตาร์เบอร์หนึ่ง" ของเมืองไทย มันก็ไม่ง่ายและไม่สนุกเสมอไป หากขาดความรับผิดชอบและทำอะไรผิดพลาดไป ก็จะเสียหายกันไปหมด และเสียไปทั้งอารมณ์ความรู้สึก ของทีมงานและแฟนคลับที่รอติดตามผลงานของคุณอีกด้วย การดูและตัวเองให้พร้อมลุยกับทุกสถานการณ์จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้   

"การที่จะเป็นดารา ก็ต้องมีผลงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงประสบความสำเร็จ การที่จะเป็น "ซุปตาร์" ก็ต้องเป็นดาราซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยเหมือนกัน"   
  


การเป็น "พรีเซ็นเตอร์"  


เมื่อคุณเป็นดาราและก้าวสู่คำว่า "ซุปตาร์" สมใจอยากแล้ว...คุณอาจเป็นผู้โชคดีได้รับคัดเลือกให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ถ่ายสปอตโฆษณา รวมถึงออกงานอีเวนท์ เดินแบบและถ่ายแบบด้วย ซึ่งทำรายได้มหาศาลให้กับคุณไม่น้อยไปกว่าการถ่ายหนังเล่นละคร เป็นการตอกย้ำความหล่อเหลา ความสวยงามและความสามารถของคุณ ทีนี้ล่ะ...คุณก็จะเป็นดาราที่ถูกพูดถึงมากถึงมากที่สุดในโลกโซเชียล แบบไม่ได้หยุดได้หย่อนกันเลยทีเดียว ณ จุดนี้ คุณต้องกราบขอบพระคุณผมนะ ที่พาคุณเดินทางมาได้จนถึงทุกวันนี้ แต่การจะเป็นพรีเซ็นเตอร์มันไม่ได้ง่ายดายเหมือนอย่างที่คุณหรือใครๆคิดกันน่ะสิ  
ยังไงน่ะเหรอ?  
การเป็นพรีเซ็นเตอร์ ไม่ใช่แค่การถ่ายทำสปอตโฆษณาเพียงแค่ไม่กี่วิ และการถ่ายภาพโปรโมทสินค้าเท่านั้น ลองนึกดูเล่นๆ...ถ้าคุณเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้ายี่ห้อดัง แล้วบังเอิญว่า สินค้าชิ้นนั้นมันขายไม่ออก อะไรจะเกิดขึ้น?  
คงไม่มีนักธุรกิจคนไหนจ้างคุณอีกแล้ว หรือถ้าขายสินค้าได้แต่ทำยอดไม่ถึงเป้า เจ้าของสินค้าก็จะเริ่มคิดแล้วว่า คุณไม่เหมาะกับผลิตภัณฑ์นั้นๆหรือเปล่า หรือว่าคุณทำหน้าที่ของตัวเองได้ไม่ดีพอ?  
มันก็ถึงเวลาที่เขาจะตัดสินใจแล้วว่า จะกลับไปใช้พรีเซ็นเตอร์คนเดิมหรือจะหาคนใหม่มาแทนคุณดี เจ้าของผลิตภัณฑ์ก็จะเริ่มมองหานักแสดงท่านอื่นๆที่กำลังมีกระแสอยู่ในเวลานั้น ซึ่งมันอาจจะทำให้คุณพลาดรายได้อย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นคำว่า "พรีเซ็นเตอร์" ในที่นี้จึงหมายถึง "เซลล์" ดีๆ นี่เอง มันก็เหมือนกับเซลล์ขายของทั่วๆไปนั่นแหละ แต่คุณอาจจะมียศฐาบรรดาศักดิ์ขึ้นมาหน่อย ด้วยการเป็นนายแบบนางแบบให้กับผลิตภัณฑ์ พร้อมโชว์ตัวในที่ต่างๆตามแต่จะตกลง ดังนั้นถ้าคุณยังอยากจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ต่อไป คุณจำเป็นต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้สินค้าตัวนั้นขายดีที่สุด ในช่วงเวลาที่คุณเป็นพรีเซ็นเตอร์ 
1.คุณต้องมีกระแส  
2.คุณต้องเซลล์สินค้าทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง  

กระแสนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว หากคุณไม่มีกระแสเขาจะจ้างคุณไปหาพระแสงอะไร แต่การที่คุณจะมีกระแสได้นั้นคุณต้องมีผลงานอย่างต่อเนื่อง และถ้าคุณจะมีผลงานอย่างต่อเนื่อง คุณก็ต้องมีความสามารถ และถ้าคุณจะมีความสามารถ คุณก็ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา จะเห็นได้ว่า กระแสทรัพย์ของคุณ ที่หลั่งไหลมาแต่ละทางนั้น ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง  

การเซลล์สินค้า ดูเหมือนไม่ใช่หน้าที่ของคุณ เพราะคุณได้โชว์ตัวและถ่ายทำโฆษณาไปแล้ว ผมไม่ได้หมายความว่าให้คุณไปยืนขายของหน้าร้าน เหมือนพนักงานขายของทั่วๆไป แต่คุณมีส่วนช่วยขายสินค้าในมุมลับๆได้ ไม่จำเป็นต้องเซลล์ให้เจ้าของผลิตภัณฑ์เห็น เช่นคุณอาจจะรู้จักกับคนในแวดวงบันเทิง ก็ลองนำเสนอสินค้า หรือพูดถึงการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของคุณให้เขาฟังดูสิ...ไม่จำเป็นว่าคุณจะรักหรือไม่รัก ใช้หรือไม่ใช้ สินค้าจริง   
แม้ตัวผลิตภัณฑ์ที่คุณกำลังเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับเขาอยู่ อาจจะไม่ใช่สินค้าที่ดีที่สุด ( เพราะว่ามันมีวันหมดอายุ ) แต่คุณภาพของสินค้าก็สมน้ำสมเนื้อกับ "ราคา" ที่ตั้งขึ้นมา และตัวสินค้าก็มีความเหมาะสมกับการใช้งาน เหมาะกับคนบางกลุ่มเป็นต้น เมื่อคุณลองใช้เองและให้คำแนะนำด้วยความบริสุทธิ์ จริงใจ คุณอาจจะเป็นเซลล์ที่ทำยอดขายให้กับบริษัทได้แบบทะลุทะลวง แล้วเจ้าของบริษัทจะรู้สึกได้เองว่า การมีคุณเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้นั้น มันทำยอดขาย ผลกำไร และชื่อเสียงมาสู่บริษัทของเขาได้อย่างไร ถ้าพรีเซ็นเตอร์คนต่อไปไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะ  

คนสารพัดขี้ 

  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ติชม ด่าทอ สาปแช่ง บอกรัก