เป็นดาวให้ยาวนาน
แม้คุณจะปฏิบัติตัวตามข้อแนะนำอันดีงามทั้งหมดที่ผมได้กล่าวมา
แต่การจะเป็น "ดาว" ให้ยาวนานนั้น เป็นสิ่งที่พูดยากมาก
เพราะมันเป็นเรื่องของอนาคต แต่คุณจงวางตัวให้เหมาะสม ให้พอดีและดีพอ
ไม่จาบจ้วงล่วงเกินใครน่าจะดีที่สุด อย่าลืมว่าคนอื่นๆก็เป็นดาวเหมือนกัน ดาวชนดาว
คงเรื่องใหญ่น่าดู จงให้ความเคารพกับนักแสดงรุ่นพี่ที่เกิดก่อน
และจงให้เกียรตินักแสดงรุ่นน้องที่เกิดใหม่ แค่นี้ก็น่าจะอยู่ได้แล้วนะ
ทำยังไงถึงจะเป็น “ซุปตาร์เบอร์หนึ่ง” ของเมืองไทย
เมื่อเขียนมาถึงหัวข้อนี้ มือไม้ของผมก็ชักจะเริ่มสั่น
เริ่มประม่าขึ้นมาทันที
เพราะคำตอบที่ดีที่สุดน่าจะออกมาจากปากของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น
"ซุปตาร์เบอร์หนึ่ง" ของเมืองไทยมากกว่า เพราะภูมิรู้ ภูมิธรรม
และภูมิฐานของผมนั้นต่ำนัก ถ้าจะไปเทียบกับคำว่าซุปตาร์ แต่ก็พอจะอธิบายได้ว่า การที่จะเป็นซุปตาร์แถวหน้าขอเมืองไทย
จะต้องมีคนที่รักมาก เมื่อมีคนที่รักมากก็ต้องรักตัวเองให้มาก เมื่อรักตัวเองมากก็ต้องดูแลตัวเองให้มากด้วยเหมือนกัน
อย่าลืมว่าซุปตาร์ "ภาพลักษณ์" ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ
เมื่อปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะจะต้องดูดี ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ต้องเป็นคนที่พร้อมจะโชว์ตัวได้ทุกที่ทุกเวลา
ดังนั้นคำว่าดูแลตัวเอง จึงหมายถึงทั้งเรื่องของสุขภาพและการวางตัว...และต้องเป็นคนที่มีทัศนคติที่ดีในการทำงาน
ต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ยิ่งมีคนสนใจเรามากเท่าไหร่ ความสามารถและความรับผิดชอบก็ยิ่งต้องสูงมากขึ้นไปด้วย...ดังนั้น
เราจะเห็นได้ว่าการเป็น "ซุปตาร์เบอร์หนึ่ง" ของเมืองไทย มันก็ไม่ง่ายและไม่สนุกเสมอไป
หากขาดความรับผิดชอบและทำอะไรผิดพลาดไป ก็จะเสียหายกันไปหมด และเสียไปทั้งอารมณ์ความรู้สึก
ของทีมงานและแฟนคลับที่รอติดตามผลงานของคุณอีกด้วย การดูและตัวเองให้พร้อมลุยกับทุกสถานการณ์จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้
"การที่จะเป็นดารา ก็ต้องมีผลงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จึงประสบความสำเร็จ การที่จะเป็น "ซุปตาร์"
ก็ต้องเป็นดาราซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยเหมือนกัน"
การเป็น "พรีเซ็นเตอร์"
เมื่อคุณเป็นดาราและก้าวสู่คำว่า "ซุปตาร์" สมใจอยากแล้ว...คุณอาจเป็นผู้โชคดีได้รับคัดเลือกให้เป็นพรีเซ็นเตอร์
ถ่ายสปอตโฆษณา รวมถึงออกงานอีเวนท์ เดินแบบและถ่ายแบบด้วย ซึ่งทำรายได้มหาศาลให้กับคุณไม่น้อยไปกว่าการถ่ายหนังเล่นละคร
เป็นการตอกย้ำความหล่อเหลา ความสวยงามและความสามารถของคุณ ทีนี้ล่ะ...คุณก็จะเป็นดาราที่ถูกพูดถึงมากถึงมากที่สุดในโลกโซเชียล
แบบไม่ได้หยุดได้หย่อนกันเลยทีเดียว ณ จุดนี้ คุณต้องกราบขอบพระคุณผมนะ
ที่พาคุณเดินทางมาได้จนถึงทุกวันนี้ แต่การจะเป็นพรีเซ็นเตอร์มันไม่ได้ง่ายดายเหมือนอย่างที่คุณหรือใครๆคิดกันน่ะสิ
ยังไงน่ะเหรอ?
การเป็นพรีเซ็นเตอร์ ไม่ใช่แค่การถ่ายทำสปอตโฆษณาเพียงแค่ไม่กี่วิ
และการถ่ายภาพโปรโมทสินค้าเท่านั้น ลองนึกดูเล่นๆ...ถ้าคุณเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้ายี่ห้อดัง
แล้วบังเอิญว่า สินค้าชิ้นนั้นมันขายไม่ออก อะไรจะเกิดขึ้น?
คงไม่มีนักธุรกิจคนไหนจ้างคุณอีกแล้ว หรือถ้าขายสินค้าได้แต่ทำยอดไม่ถึงเป้า
เจ้าของสินค้าก็จะเริ่มคิดแล้วว่า คุณไม่เหมาะกับผลิตภัณฑ์นั้นๆหรือเปล่า หรือว่าคุณทำหน้าที่ของตัวเองได้ไม่ดีพอ?
มันก็ถึงเวลาที่เขาจะตัดสินใจแล้วว่า
จะกลับไปใช้พรีเซ็นเตอร์คนเดิมหรือจะหาคนใหม่มาแทนคุณดี เจ้าของผลิตภัณฑ์ก็จะเริ่มมองหานักแสดงท่านอื่นๆที่กำลังมีกระแสอยู่ในเวลานั้น
ซึ่งมันอาจจะทำให้คุณพลาดรายได้อย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นคำว่า
"พรีเซ็นเตอร์" ในที่นี้จึงหมายถึง "เซลล์" ดีๆ นี่เอง มันก็เหมือนกับเซลล์ขายของทั่วๆไปนั่นแหละ
แต่คุณอาจจะมียศฐาบรรดาศักดิ์ขึ้นมาหน่อย ด้วยการเป็นนายแบบนางแบบให้กับผลิตภัณฑ์
พร้อมโชว์ตัวในที่ต่างๆตามแต่จะตกลง ดังนั้นถ้าคุณยังอยากจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ต่อไป คุณจำเป็นต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้สินค้าตัวนั้นขายดีที่สุด
ในช่วงเวลาที่คุณเป็นพรีเซ็นเตอร์
1.คุณต้องมีกระแส
2.คุณต้องเซลล์สินค้าทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
กระแสนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว
หากคุณไม่มีกระแสเขาจะจ้างคุณไปหาพระแสงอะไร แต่การที่คุณจะมีกระแสได้นั้นคุณต้องมีผลงานอย่างต่อเนื่อง
และถ้าคุณจะมีผลงานอย่างต่อเนื่อง คุณก็ต้องมีความสามารถ และถ้าคุณจะมีความสามารถ
คุณก็ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา จะเห็นได้ว่า กระแสทรัพย์ของคุณ ที่หลั่งไหลมาแต่ละทางนั้น
ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
การเซลล์สินค้า ดูเหมือนไม่ใช่หน้าที่ของคุณ เพราะคุณได้โชว์ตัวและถ่ายทำโฆษณาไปแล้ว
ผมไม่ได้หมายความว่าให้คุณไปยืนขายของหน้าร้าน เหมือนพนักงานขายของทั่วๆไป แต่คุณมีส่วนช่วยขายสินค้าในมุมลับๆได้
ไม่จำเป็นต้องเซลล์ให้เจ้าของผลิตภัณฑ์เห็น เช่นคุณอาจจะรู้จักกับคนในแวดวงบันเทิง
ก็ลองนำเสนอสินค้า หรือพูดถึงการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของคุณให้เขาฟังดูสิ...ไม่จำเป็นว่าคุณจะรักหรือไม่รัก
ใช้หรือไม่ใช้ สินค้าจริง
แม้ตัวผลิตภัณฑ์ที่คุณกำลังเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับเขาอยู่
อาจจะไม่ใช่สินค้าที่ดีที่สุด ( เพราะว่ามันมีวันหมดอายุ )
แต่คุณภาพของสินค้าก็สมน้ำสมเนื้อกับ "ราคา" ที่ตั้งขึ้นมา
และตัวสินค้าก็มีความเหมาะสมกับการใช้งาน เหมาะกับคนบางกลุ่มเป็นต้น
เมื่อคุณลองใช้เองและให้คำแนะนำด้วยความบริสุทธิ์ จริงใจ คุณอาจจะเป็นเซลล์ที่ทำยอดขายให้กับบริษัทได้แบบทะลุทะลวง
แล้วเจ้าของบริษัทจะรู้สึกได้เองว่า การมีคุณเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้นั้น มันทำยอดขาย ผลกำไร
และชื่อเสียงมาสู่บริษัทของเขาได้อย่างไร ถ้าพรีเซ็นเตอร์คนต่อไปไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะ
คนสารพัดขี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น