วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

สร้างกระแสจากเรื่องส่วนตัว



2.สร้างกระแสจากเรื่องส่วนตัว  


1.เรื่องชู้สาว  
เป็นการดีอยู่หรอกที่ความรักกับความใคร่ จะเดินทางมาเยือนตัวคุณในวันและเวลา ที่คุณประสบความสำเร็จ แต่ความรักกับความใคร่ก็เหมือนกับสินค้าแบนด์เนมทั่วๆไป ต่อให้มันดูสวยงามน่าชมน่าใช้ยังไง แต่มันก็มีวันหมดอายุ มันอาจจะแปลสภาพเป็นดาบสองคมได้ในที่สุด ผู้เขียนไม่ได้ห้ามไม่ให้ใครมีคน ( ความ ) รัก...เพราะใครๆต่างก็อยากมีรักกันทั้งนั้น รวมถึงผู้เขียนด้วย ปัจจุบันดาราไทยหลายๆคนก็มีการสับเปลี่ยนเวียนหมุนคู่รักกันจนเป็นเรื่องปกติ มีโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถม น้อยนักที่จะเจอคู่แท้อย่างจริงจัง ซึ่งบางทีอาจจะมีผลกระทบต่อการทำงานบ้างไม่กระทบบ้างขึ้นอยู่กับสถานการณ์  ในกรณีที่เคยเป็นคู่รักที่คบกันมาอย่างเปิดเผย คนส่วนใหญ่ก็พอรับได้ แต่เรื่องการแอบเป็นชู้กับแฟนของชาวบ้านนั้น เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ยอมรับ คุณจะหนีไม่พ้นคำครหา จนกว่าคุณจะหมดอายุขัยไปเลยนั่นแหละ
 เอ๊าะ! ...ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่พึงระวัง คือคลิปฉาวต่างๆ ในช่วงเวลาที่คุณกำลังเสวยสุขอยู่กับคนที่คุณรัก หรือชู้สวาทของคุณอยู่ก็ตาม เป็นเรื่องประหลาดอยู่เหมือนกันที่คนส่วนหนึ่ง ชอบบันทึกกิจกรรมเข้าจังหวะลงในมือถือ จากนั้นก็ทำสับเพร่าปล่อยให้มันหลุดลอยไปหาคนอื่นๆ ณ จุดนี้ ผมก็ไม่รู้ลึกตื้นหนาบางเหมือนกัน แต่หากว่าคุณคิดจะสร้างกระแสด้วยวิธีการนี้ อยากให้คุณพิจารณาดูให้ดีๆ ว่ามันคุ้มกันหรือเปล่ากับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น และยิ่งคุณเป็นดาราหญิง ไม่เพียงแค่วงการบันเทิงจะปิดประตูตาย ไม่ต้อนรับคนอย่างคุณ ความอับอายขาย ( ขี้ ) หน้าก็อาจจะติดตัวคุณไปจนวันตายเลยก็ได้ อันนี้ต้องระวัง...  
เรื่องชู้สาวมีหลายกรณี เช่น ท้องก่อนแต่ง ท้องแล้วไม่รับผิดชอบ ท้องแล้วแท้ง มือที่สาม แย่งผัวของคนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ในที่นี้ผมคงไม่ขอวิเคราะห์เจาะลึกไปมากกว่านี้ ลองไปค้นดูกันเอาเอง แล้วเทียบเคียงดูเอาว่าวิธีการใดเหมาะแก่การที่จะนำมาสร้างเป็นกระแส  

2.สร้างกระแสจาการทำบุญ  
บุญ คือเบื้องหลังของความสุขความสำเร็จ คือเครื่องชำระกิเลส คือทางมาแห่งทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ คุณสมบัติ และอีกนานาประการแล้วแต่ใครจะนิยาม การสร้างกระแสจากการทำบุญนั้นเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ไม่ว่าคุณจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม วิธีการนี้ไม่เพียงแค่ดาราเท่านั้นที่นำไปใช้ แม้แต่วงการธุรกิจ การเมือง และอื่นๆ ก็นิยมใช้การทำบุญ เป็นสะพานเชื่อมโยงไปยัง ( สื่อ )มวลชน ผมคงไม่หวงห้ามและสนับสนุนให้คุณทำบุญได้เลยเต็มที่ แต่อยากให้คุณทำความเข้าใจเรื่อง กุศลจิตให้ดีเสียก่อนว่า บุญนั้นเกิดขึ้่นจากเจตนารมณ์ของผู้กระทำเป็นหลัก เกิดขึ้นด้วยกันอยู่ 3 ทางคือ ทางกาย ทางวาจา และทางใจ เกิดขึ้นด้วยกันอยู่ 3 วิธี ( ย่อๆ ) คือ ทาน ศีล และภาวนา
  
ถ้าคุณทำบุญเพื่อบุญ คุณก็จะได้ "บุญ" เต็มที่ แต่ถ้าคุณทำบุญเพื่อสร้างกระแส คุณก็จะได้กระแสเป็นหลัก ซึ่งอาจจะดีหรือไม่ดีก็อีกเรื่องหนึ่ง ส่วนกองบุญนั้นคุณจะได้แค่เศษเสี้ยวเล็กๆน้อยๆเท่านั้น...การทำบุญเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ยังมีผู้คนส่วนหนึ่งชอบ "อคติ" มองว่า "ดารา" ทำบุญเพื่อ "สร้างภาพ" ทำตัวเป็นคนดี ซึ่งก็อาจจะจริง แต่ก็มีดาราอีกจำนวนมากอยู่เหมือนกัน ที่ทำบุญด้วยใจอันบริสุทธิ์ ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้นก็อย่าได้แคร์ พวกมือถือสากปากปีจอ เพราะถึงยังไงก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากรอคอยอนุโมทนาบุญร่วมกับคุณอยู่ รวมถึงผมด้วย และบุญนี่แหละที่จะนำความสุขความและความสำเร็จมาสู่ตัวคุณ ทั้งงาน เงิน ความรัก ภพนี้และภพหน้า สาธุ...  

3.สร้างกระแสจากการทะเลาะวิวาท  
การทะเลาะวิวาท เตะต่อย ตบตี เป็นเรื่อง ( ไม่ ) ปกติของมวลมนุษยชาติ ในฐานะที่คุณเป็น "ดารา" ที่ยังมีกิเลสอยู่ คือมีความสกปรก โสโครก ทั้งกายและใจ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่วันดีคืนดี คุณอาจจะนึกสนุก อยากมีปากมีเสียงกับชาวบ้านเขาบ้าง "เพื่อสร้างกระแส" ถ้าคุณต้องการสร้างกระแสด้วยวิธีการนี้ คุณย่อมได้รับการกล่าวถึงอย่างแน่นอน ถ้าคุณเป็นฝ่ายถูกกระทำคุณก็จะได้รับความเห็นใจ แต่ถ้าคุณเป็นฝ่ายผิดคุณก็สมควรได้รับบทลงโทษ ทั้งในด้านของกฏหมาย ศีลธรรม ประชาทัณฑ์ ประชาวิจารณ์ และอาจจะเป็นมูลเหตุที่ทำให้ดาวเด่นอย่างคุณ ค่อยๆดับแสง และดำดิ่งลงสู่ก้นเหวไปในที่สุด อันนี้ก็คงต้องไปพิสูจน์กันเอาเอง แต่ผมไม่รับผิดชอบนะ  



การตอบคำถามและการให้สัมภาษณ์  

เมื่อคุณเพียรสร้างกระแส ด้วยวิธีการทั้งหมดที่ผมกล่าวมา แน่นอนสื่อมวลชนก็ต้องให้ความสนใจในตัวของคุณเป็นพิเศษ เมื่อคุณออกไปโชว์ตัวตามงานอีเวรต่างๆ คุณจึงถูกรุมเร้าจากสื่อมวลชน ที่มาจากหลากหลายสำนัก ต่างก็พร้อมใจกันยิงคำถาม และหยิบยื่นอาวุธยุทโธประการมาที่ใบหน้าของคุณ จนแทบจะทะลุทะลวงเข้าไปในอุ้งปาก มันเป็นช่วงเวลาที่คุณต้องใช้สติสัมปชัญญะเป็นอย่างมาก เพื่อต่อสู้กับเจ้ากรรมและนายเวรที่อยู่ตรงหน้า
ดังนั้น...คุณพึงศึกษาการตอบคำถามและการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยในวงการบันเทิง อันโบราณได้กล่าวเอาไว้ว่า "สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล" มันอาจจะดูเป็นสำนวนที่เก่าแก่ คร่ำครึ แต่มันก็ไม่เคยเชย ไม่เคยตกยุคตกสมัย ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากในยุคปัจจุบัน นำสำนวนที่ว่านี้ มาเสี้ยมสอนลูกหลาน จนได้ดิบได้ดีกันไปถ้วนหน้า แน่นอน...เมื่อคุณเป็น "ดารา" ทั้งสื่อมวลชนและชาวประชา ต่างก็อยากจะเห็นภาษา กิริยา และท่าทีของคุณ ว่ามันจะสวยสดงดงาม คู่ควรกับตำแหน่งอันทรงคุณค่าของคุณหรือเปล่า?  
เรามาเริ่มศึกษากันเลยดีกว่า
การตอบคำถามคือการใช้ถ้อยคำสื่อความหมาย ความในใจ เพื่อบรรเทาทุกข์อันเกิดจากความสงสัยใคร่รู้ของคู่สนทนา ก็คงไม่มีอะไรมาก ในฐานะที่ผมเป็นคนไทยพุทธ ผมคงต้องขออาราธนาหลักธรรม คำสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นบุญต้นแบบของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มาเป็นแนวทางในการตอบคำถามนั่นก็คือ ปิยวาจา อันประกอบไปด้วย 5 ข้อ ได้แก่  
1.พูดคำจริง  
2.พูดด้วยถ้อยคำสุภาพ  
3.พูดในสิ่งที่มีประโยชน์  
4.พูดด้วยจิตที่เมตตา  
5.พูดถูกกาลเทศะ  

1.พูดความจริง...ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนที่พูดความจริงมักจะตาย คุณคงเคยได้ยินสำนวนนี้มานานมากแล้ว ผมเองก็เหมือนกัน มันช่างเป็นข้อความที่ทำให้ใครหลายๆคน ไม่กล้าพูดความจริงเอาเสียเลย ในฐานะที่คุณเป็นดารา แต่คุณก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่งที่มีกิเลสอยู่ ความจริงบางอย่างที่คุณเป็น อาจจะไม่สวยงามนัก คุณจึงไม่อยากจะบอกเล่าเก้าสิบให้ใครฟัง มันเป็นสิ่งที่คุณต้องหลบ หลีก เลี่ยงไปตลอดชีวิต คุณจึงบิดเบือนคำตอบไปมากถึง เจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ผมก็สุดจะหาคำแนะนำ แต่ถ้าคุณไม่อยากตอบคำถามเพราะว่าความจริงของคุณมัน "เหม็นเน่า" ก็ทำความจริงให้มันถูกต้องซะสิ แล้วค่อยไปตอบ...  

2.พูดด้วยถ้อยคำที่สุภาพ...คำสุภาพ คือคำพูดที่ไม่หยาบคาย หยาบโลน หรือหยาบกระด้าง ลองนึกดูว่า ถ้าใครบางคนเข้ามาพูดจาหยาบคายกับคุณ ด่าทอคุณเสียๆหายๆ คุณจะรู้สึกยังไง คุณอาจจะสบถด่าเขากลับคืนไปด้วยถ้อยคำที่เจ็บปวดรวดร้าวเหมือนกัน แต่คุณจะเป็นดารา คุณอยู่ต่อหน้าสื่อมวลชน ดาราบางคนหมดอนาคตเพราะคำพูดที่ไม่สุภาพนี่แหละ มันจะเป็นตัวชี้วัดว่าคุณฉลาดน้อยหรือฉลาดมากกันแน่  

3.พูดในสิ่งที่มีประโยชน์...งดสิ่งเกิดโทษทั้งหลายด้วย หากพูดจาไร้สาระ จะส่งผลต่อบุคลิกภาพ และความน่าเชื่อถือของคุณ หากคุณจำเป็นต้องแสดงทัศนคติ จงพูดด้วยถ้อยคำที่เป็นธรรม การพูดจาเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องมีเหตุผลไว้รองรับเพียงพอพอเสมอ และถ้าหากว่าคุณตำหนิใครออกสื่อแล้วล่ะก็ นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก คุณจงพูดถึงข้อดีของคนๆนั้นควบคู่กันไปด้วย ไม่อย่างนั้นคุณจะถูกฝ่ายตรงข้ามต่อต้านคุณอย่างหนัก มันอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของคุณ ทำให้คุณเสียสุขภาพจิต จนไม่เป็นอันกินอันนอนเลยทีเดียว 

4.พูดด้วยจิตที่เมตตา...ข้อนี้สำคัญมาก เพราะมันจะแสดงให้เห็นว่าคุณพร้อมจะเข้าใจและให้อภัย คนที่เคยผิดพลาดล่วงเกินคุณมาหรือเปล่า คำพูดที่เต็มไปด้วยจิตที่เมตตา จะแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนที่มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม น่าคบหา และเป็นที่รักของคนหมู่ใหญ่ คุณจะสามารถเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส เปลี่ยนกลุ่มแอนตี้ ให้เป็นเอฟซีของคุณไปโดยไม่รู้ตัว เพราะไม่มีใครหรอก ที่จะพิศวาสคนที่จิตใจคับแคบ จงใช้ถ้อยคำในข้อนี้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อประโยชน์สุขของการเป็นดารา  

5.พูดถูกกาลเทศะ...กาลและเวลา แม้จะดูไม่มีชีวิตแต่มันมีหน้าที่ควบคุมคนโดยเฉพาะ ถึงแม้ว่าคุณจะพูดจาด้วยถ้อยคำอันเป็นที่รัก ทั้งสี่ข้อแรก ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น แต่ถ้าไม่ถูกกาลเทศะแล้วล่ะก็ คุณจะกลายเป็นดาวร้ายในสายตาของสื่อมวลชนไปเลยทันที ถึงจะเป็นความหวังดีแต่มันก็เป็นดาบสองคม ที่จะทำให้คนๆนั้นเจ็บปวดและอับอายไปตลอดชีวิต ส่วนคนที่จะรู้สึกผิดตามมาก็คือคุณ เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณอยากจะพูดอาจจะไม่ใช่สิ่งที่สมควรพูด (  ต่อหน้าสื่อมวลชน  ) 

คนสารพัดขี้

              

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ติชม ด่าทอ สาปแช่ง บอกรัก