วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

บทที่ 2 อยู่ในวงการบันเทิง



เมื่อคุณติดตามอ่านมาจนถึงตัวอักษรนี้ ผมขอแสดงความยินดีกับคุณด้วย คุณได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงและได้เป็นดาราอย่างเต็มภาคภูมิแล้ว...ขอเสียงปรบมือ บทนี้ เราจะพูดถึงชีวิตความเป็นอยู่ของดาราในวงการบันเทิงว่าพวกเขาเหล่านั้น อยู่เย็นเป็นสุขกันดีหรือไม่ อันเนื่องมาจาก การได้อยู่ในวงการบันเทิงอาจจะยากหรือง่าย ก็ขึ้นอยู่กับวิบากกรรมของแต่ละคน แต่เมื่อคุณได้เป็นดาราสมใจอยากแล้ว การจะดำรงสถานะของคุณให้อยู่กับวงการบันเทิงไปตลอดรอดฝั่ง เป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่า แค่การมีชื่อเสียงอย่างเดียวยังไม่พอ งานกับเงิน ที่คุณต้องใช้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องก็สำคัญมาก อย่าลืมว่า "ดารา" ก็คือมนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่งที่ยังต้องกินต้องใช้ ดาราบางท่านอาจมีโรคภัยไข้เจ็บติดตัวมาด้วย บางคนก็มีหนี้สินพะรุงพะรัง สิ่งเหล่านี้ผลักดันให้คุณต้องมีงานและมีเงินมาหล่อเลี้ยงชีวิต ซึ่งต้องอาศัยกระแสเป็นตัวช่วย หางานและทำเงินให้กับคุณ  


การสร้างกระแสเพื่อความอยู่รอด  


1.สร้างกระแสจากผลงาน...ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน คุณคงเคยได้ยินสุภาษิตที่ว่านี้มาตั้งแต่เกิด แต่ผมจะแบ่งความสำคัญออกเป็นสองส่วนให้คุณได้ศึกษาและนำไปปฏิบัติดังต่อไปนี้   

1.1 พรสวรรค์...เป็นสิงที่ติดตัวคุณมาตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ พรสวรรค์ใน้การแสดงนั้นสังเกตได้จาก ดี 3 ตัว คือ 1.ถูกดี  2.ถึงดี  3.พอดี  

1.ถูกดี...คือตีบทแตก ก่อนที่คุณจะถ่ายทอดความเป็นตัวละครออกสู่สายตาประชาชน คุณจำเป็นต้องทำความเข้าใจในตัวละครที่คุณได้รับให้ดีก่อน ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน ต้องการอะไร และเขามีวิธีการที่จะก้าวไปให้ถึงเป้าหมายยังไง ซึ่งต้องแยกการแสดงด้วยกันออกเป็นสามส่วน แล้วนำมาสผมผสานกันอีกที คือ 
 1.ความคิด 2.คำพูด 3. การกระทำ  
ในที่นี้ ถ้าคุณตีตัวละครของคุณออกมาให้ละเอียด ถี่ถ้วน และถ่ายทอดออกมาให้หมดจดได้มากเท่าไหร่ คุณก็จะกลายเป็นตัวละครได้มากเท่านั้น ซึ่งถ้าคุณจะทำความเข้าใจในตัวละครได้ละเอียด ลึกซึ้งมากขนาดนี้ คุณต้องหัดทำความเข้าใจตัวและคนรอบข้างไปพร้อมๆกันด้วย เนื่องจากตัวละครก็ใช้ชีวิตเหมือนกับคนทั่วๆไป คือมีเลือดมีเนื้อ มีลมหายใจ มีสุขมีทุกข์ มีความหิวกระหาย ตัวละครของคุณจึงกระหายในสิ่งที่เขาอยาก ในขั้นตอนนี้จะเห็นได้ว่า ถ้าคุณเป็นคนที่มีจิตใจหยาบกระด้าง ไม่แยแสผู้ใด ก็ยากนักที่คุณจะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร แล้วคุณจะถ่ายทอดเรื่องราวในจินตนาการออกมาให้คนดูเขาเชื่อได้ยังไง คุณจึงจำเป็นต้องฝึกตัวคุณเองให้นุ่มนวลอยู่เสมอ ถ้าคุณคิดจะเป็นนักแสดง  

2.ถึงดี...เมื่อคุณทำความเข้าใจตัวละครของคุณได้ละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ก็ใช่ว่าการแสดงของคุณจะสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว ถ้าคุณอยากจะเล่นให้มันถึงใจถึงอารมณ์ คุณต้องงัดเอาอาวุธ ยุทโธประการ คืออวัยวะน้อยใหญ่ของคุณออกมาใช้ให้หมด ไม่ว่าจะเป็นกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา ความรู้ความสามารถ เป็นต้น ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงคุณภาพ เพราะคุณไม่ได้เอาเปรียบนายจ้างของคุณ จุดนี้...จะกลายเป็นความมั่นคงในสายอาชีพของคุณต่อไปด้วย คุณจึงควรดูแลสุขภาพและร่างกายของคุณให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา เอาไว้ต่อสู้กับฉากหินๆหลายๆฉาก ที่ประเดประดังเข้ามาทดสอบคุณแบบไม่ปราณีปราศัย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อคุณงัดเอาพละกำลังของคุณออกมาใช้จนหมดเปลือกแล้ว บางทีคุณอาจจะติดลมบน หลุดลอยไปอยู่เหนือโลกของความเป็นจริง ก็เป็นไปได้ คุณจึงต้องมีดีอีกหนึ่งตัว เอาไว้ควบคุมตัวคุณให้อยู่กับร่องกับรอยอยู่เสมอ

3.พอดี...ยากที่สุดอยู่ตรงที่คำว่า "พอดี" นี่แหละ ความพอดีในที่นี่หมายถึงความสมเหตุสมผล ความน่าจะเป็นที่มนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่งพึงแสดงออก ถ้าคุณไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเอง มันอาจจะดูเป็นของประดิษฐ์ประดอย ของปลอม ดูไม่มีราคาค่างวด เพราะการเป็นนักแสดงมืออาชีพ ไม่ได้มีเพียงแต่สองข้อข้างบนเท่านั้น การแสดงที่พอเหมาะพอดีจะทำให้การถ่ายทอดอารมณ์ของคุณดูเป็นธรรมชาติ น่าเชื่อถือ หากเปรียบเปรยตัวคุณเป็นจิตรกร คุณก็เป็นจิตรกรที่ถ่ายทอดภาพวาดได้ราวกับเป็นภาพถ่าย ใครที่พบเห็น ต่างก็ทึ่งในฝีมือของคุณ การที่จะทำให้ผลงานของคุณดูเหมือนจริงได้ขนาดนั้น คุณต้องเป็นคนที่ใจเย็น ละเอียด ประณีต มีความเคารพรักในสิ่งที่ทำ นั้นจริงๆ  แล้วคุณก็จะได้รับแต่คำชื่นชม  แต่บางที การเล่นละครก็ไม่จำเป็นต้องยึดหลักความพอดีแบบนี้เสมอไป ถ้าคุณเอคติ้งโอเวอร์ แต่คุณเล่นได้ถึงใจถึงอารมณ์ คุณก็ได้ใจคุณผู้ชมได้เหมือนกัน เพราะการแสดงก็เป็นงานศิลปะไม่ได้ตายตัวเสมอไป
1.2 พรแสวง...หัวข้อก่อนหน้านี้ผมได้ร่ายยาวถึง "ศาสตร์และศิลป์" ที่จะทำให้คุณ มีงานและมีเงินเอาไว้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เลี้ยงครอบครัว เลี้ยงคนที่คุณรัก แต่การที่จะก้าวข้ามบันไดไปสู่การเป็น "ดารา" แค่ความสามารถอย่างเดียวยังไม่พอ คุณต้องมีพรแสวง หรือผมจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ความรับผิดชอบ" ด้วย ผมจะพูดถึงคุณธรรมที่มีด้วยกันอยู่ 3 ข้อ เอาไว้เป็นแนวทางให้คุณ ผู้ที่อยากเป็นดารา ได้นำไปปฏิบัติ แต่จะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น คุณต้องไปพิสูจน์เอาเอง

1.วินัย  2.เคารพ  3.อดทน  

1.วินัย...คือกฏระเบียบ เกิดขึ้นเพื่อสร้างความสงบเรียบร้อย ทั้งต่อตัวคุณเองและผู้อื่น วินัยเป็นสิ่งที่ผู้มีสติปัญญา ใช้เป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรือง วินัยถูกนำมาใช้แล้วหลายยุคหลายสมัย ไม่ว่าจะเป็นยุคประวัติศาสตร์ ก่อนประวัติศาสตร์  พุทธกาล ก่อนพุทธกาล และเป็นแนวทางที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้เป็นเนื้อหาในการเทศนา “สั่งสอนสัตว์” ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย อันเป็นความดีสากล 4 ข้อ ได้แก่   
1.รักษาความสะอาด  
2.เป็นระเบียบเรียบร้อย  
3.สุภาพนุ่มนวล  
4.ตรงต่อเวลา  

นับเป็นความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ที่องค์กร หน่วยงาน ต่างก็แสวงหาบุคลากร ที่มีคุณลักษณะดังที่กล่าวไว้แล้วนี้ วงการบันเทิงก็คงไม่แตกต่างกัน ลองนึกดู ถ้าคุณเป็น "ดารา" ที่มีพฤติกรรมตรงข้ามกับสี่ข้อนี้ อะไรจะเกิดขึ้น คุณอาจจะกลายมาเป็นดาวร้าย ดาวโจร ที่ใครๆก็ไม่อยากจะยุ่งสุงสิงด้วย แล้วอย่างนี้คุณจะเป็นดวงดาราที่สาดแสงโดดเด่น อยู่บนท้องนภาได้ยังไง  

2.เคารพ...หมายถึงการมองเห็นคุณความดีในตัวของผู้อื่น เมื่อคุณมองเห็นคุณจึงแสดงออกมาว่าคุณยอมรับ นับถือ คุณลักษณะบางอย่างในตัวของคนๆนั้น ซึ่งคุณสามารถแสดงออกได้ทั้งในระดับความคิด คำพูด และการกระทำ หากคุณขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งในสามสิ่งนี้ ก็เป็นได้ว่าความเคารพในตัวของคุณยังมีข้อบกพร่อง ยังไม่ใสสะอาดพอที่คนรอบข้างจะมองเห็น  

การแสดงความเคารพในตัวของผู้อื่น ฟังผ่านๆเหมือนเป็นการหยิบยกเอาตัวของคนอื่น ขึ้นมาวางไว้บนหัวของตัวเอง แล้วปล่อยให้เขากดทับตัวเราจนต่ำชิดมิดดิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าอภิรมณ์ แต่ความเป็นจริงการแสดงความเคารพในตัวของผู้อื่น คือใบเบิกทางชิ้นดีที่จะทำให้ตัวของคุณหันกลับมาเห็นคุณค่าในตัวของคุณเอง เพราะการเห็นคุณความดีในตัวของผู้อื่น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป ผู้ที่มองเห็นจึงมีจิตใจที่สูงส่ง ควรค่าแก่การเคารพยกย่องด้วยเหมือนกัน  

เนื่องจากมนุษย์เป็นสิ่งแวดล้อมของเรา เราจึงจำเป็นต้องศึกษาทั้งข้อดีข้อเสียไปพร้อมๆกัน หากว่าเรามองเห็นแต่ข้อเสียของคนอื่น มองว่าคนอื่นเลวร้าย มองว่าคนทุกคนร้ายไปเสียทุกอย่าง ก็เท่ากับว่าเราใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมอันเลวร้าย แล้วชีวิตของคุณจะอยู่เย็นเป็นสุขไปได้ยังไง...การมองเห็นแต่ข้อเสียของคนอื่นจึงเป็นการหยาเอาสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดเข้ามาไว้ในใจคุณ อุปมาเหมือนคนที่เอามือไปจับสิ่งสกปรก ซึ่งปกติมันก็สะอาดของมันดีอยู่แล้ว แต่คุณกลับทำให้ตัวของคุณสกปรกด้วยน้ำมือของคุณเอง ในกรณีนี้ ถึงแม้ว่าคุณจะยืนอยู่ใกล้สิ่งที่สกปรกมากที่สุด แต่มันก็ไม่สามารถที่จะกระเด็นเข้ามาอยู่ในตัวคุณได้ ถ้าคุณไม่เอามือไปปาดป่ายหามันเอง ในแง่ของจิตใจก็เช่น ถ้าคุณมองเห็นความดีของคนอื่นก็เอากับฝึกเอาความดีเข้ามาใส่ใจ แต่ถ้ามองเห็นแต่ความร้ายก็เท่ากับใส่ความร้ายให้กับตัวเราเอง ยิ่งใส่มากเท่าไหร่ก็ยิ่งร้ายกาจมากเท่านั้น แล้วอย่างนี้...ใครจะอยากทำงานร่วมกับคนร้าย?  

3.อดทน...ความอดทนเป็นสิ่งที่นำไปใช้ได้กับทุกสาขา วิชาชีพ ไม่เพียงเฉพาะในวงการบันเทิงเท่านั้น ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากบนโลกใบนี้ ต่างก็พากันใช้ความอดทนในทุกที่ทุกเวลา เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จ และอาจจะใช้มันสิ้นเปลืองยิ่งกว่าทรัพย์สินภายนอกเสียอีก มันเป็นสิ่งที่ควรศึกษาและนำมาปฏิบัติ ในส่วนคำสอนของพระพุทธศาสนา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสถึงว่า มีด้วยกันอยู่ 4 ระดับ ดังนี้  
1.อดทนต่อความยากลำบาก  
2.อดทนต่อโรคภัยไข้เจ็บ  
3.อดทนต่อการกระทบกระทั่ง  
4.อดทนต่อสิ่งที่ยั่วยุทั้งหลาย  

1.อดทนต่อความยากลำบาก...เนื่องจากคุณ แม้ตอนนี้จะก้าวเข้าสู่ความเป็นดาราเรียบร้อยแล้ว แต่ในโลกของความเป็นจริง คุณยังอาศัยอยู่บนโลกมนุษย์นี้อยู่ หาได้ล่องลอยอยู่บนอวกาศเฉกเช่นกับดาวดวงอื่นๆไม่ คุณจึงพบกับสิ่งแวดล้อมที่ไม่พึงประสงค์ อันประกอบไปด้วย ธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งมีความแปรปรวนสูง ให้ความรู้สึกที่แตกต่าง และหลายครั้งก็ให้ความรู้สึกทุกข์ทรมาน ลองนึกถึงนักแสดงที่วิ่งตากแดดดูสิ กว่าจะได้ฉากสวยๆมาซักหนึ่งฉาก ก็ต้องแลกกับหยาดเหงื่อแรงงาน นักแสดงบางคนต้องยืนแช่อยู่ในหนองน้ำอันสกปรกโสโครก เต็มไปด้วยปลิงดูดเลือด ถ้าเป็นคุณจะอดทนต่อสภาพแวดล้อมเหล่านั้นได้นานแค่ไหน นี่แค่ความอดทนในชั้นต้นเท่านั้นนะ ในฐานะที่คุณจะเป็น "ดารา" คุณยังต้องเจออะไรมากกว่านี้อีก  

2.อดทนต่อโรคภัยไข้เจ็บ...อันนี้ก็เป็นสัจธรรมอยู่แล้ว ที่คนทุกคนเกิดมาบนโลกใบนี้ ก็ต้อง แก่ เจ็บ และตายไปในที่สุด รวมถึงตัวคุณด้วยแม้ว่าคุณจะเป็นดาราหรือไม่ได้เป็นดาราก็ตาม แต่การทำงานอยู่ในวงการบันเทิง ก็คงไม่ต่างกับวงการทั่วๆไป อุบัติเหตุและการบาดเจ็บนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ ขึ้นอยู่กับความไม่ประมาทและการใช้สติปัญญาของคุณ หากคุณเป็นอะไรไปในขณะที่คุณเป็นดาวดวงเด่น อยู่บนท้องนภา ฝันของคุณก็จะสลาย เหลือไว้แต่ความจริงที่เจ็บปวด ไม่เพียงแค่นั้นความทุกข์ของคุณ ยังถูกส่งผ่านม่านอากาศ ไฟฟ้า ทะลุทะลวงเข้าไปที่หัวใจของแฟนคลับ อันเต็มไปด้วยความรักที่มีให้กับคุณ ดังนั้นเมื่อคุณอยากเป็นดาราหรือกำลังคิดจะเป็นดาราอยู่ คุณอย่ามัวหลงระเริงกับความสุข ความสำเร็จที่คุณกำลังแช่อิ่มอยู่มากนัก จงมองไปถึงอนาคตด้วย ทำยังไงคุณถึงจะเป็นดาวค้างฟ้าให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ด้วยการชะลอความแก่ ความเจ็บ และความตาย ให้ถอยห่างจากตัวของคุณ มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี “เพื่อคนที่รักคุณและคนที่คุณรัก” 

3.อดทนต่อการกระทบกระทั่ง...คือความอดทนต่อการอยู่ร่วมกัน ในฐานะที่คุณจะเป็นนักแสดงและกำลังจะเป็นดาวที่โดดเด่น แต่คุณก็ไม่ได้โดดเด่นด้วยตัวของคุณเพียงคนเดียว คุณมีเพื่อนร่วมงานจำนวนมากอาจเกือบถึงร้อยชีวิต ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง ช่างแต่งหน้า ทีมนักแสดงทั้งหมด ต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน คือความสุขความสำเร็จ และกระแสตอบรับที่ดีของผลงาน ที่พวกคุณทั้งหมดร่วมด้วยช่วยกัน เพียรสร้างมันมาเป็นปีๆ หรือมากกว่านั้น เมื่อผลงานของคุณเป็นที่ชื่นชอบและชื่นชมมากเท่าไหร่ นั่นหมายถึงกระแสทรัพย์สมบัติที่จะหลังไหลมาสู่ตัวของคุณ รวมถึงรางวัลที่พวกคุณจะได้รับด้วย แต่การทำงานกับคนเกือบร้อยชีวิต ซึ่งภายในจิตใจของแต่ละคนนั้นก็อุดมไปด้วยกิเลส คือความอยากและไม่อยากส่วนตัว การกระทบกระทั่งจึงต้องมีบ้างเป็นเรื่องธรรมดา หากคุณอยากจะอยู่รอดปลอดภัย ในแวดวงบันเทิง คุณจำเป็นต้องใช้ความอดทนให้มากเป็นพิเศษ หากไม่มีความอดทน ก็จงจัดการซื้อหามันมาไว้ในครอบครองซะ จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง เพราะการใช้ความอดทนที่เป็นของเราเองนั้น ย่อมดีกว่าการไปหยิบยืมเอาความอดทนของคนอื่นมาใช้ เพราะความอดทนของคนอื่น มันก็มีขีดจำกัดของมันเหมือนกัน

แค่คุณตั้งใจทำงานและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด หากคุณสามารถใช้ความอดทนของคุณ ผ่านสิ่งแวดล้อมอันเลวร้ายเช่นนี้ได้ คุณจะกลายเป็นฮีโร่ในดวงใจของทีมงานหลายๆคน ไปโดยไม่รู้ตัว แล้วโอกาสดีๆก็จะแวะเข้ามาทักทายคุณอยู่เรื่อยๆ จนคุณเบื่อหน่ายที่จะพูดคุย ลองนึกถึงดารานำหลายๆคน ที่ผู้จัดต่างก็ยื้อแย่งแข็งขัน ประมูลราคา กันดูสิ แล้วเงินของคุณจะหมุนไปไหน ความอดทนในข้อนี้ถึงจะดูหนักหนาสาหัสสักหน่อย แต่ว่าคุณ จะไม่ต้องใช้ความอดทนมากนัก หากว่าคุณพยายามทำความเข้าใจคนรอบข้าง ทั้งนี้คุณอาจจะใช้คุณธรรมในข้อ ความเคารพ เป็นแสงสว่างชี้น้ำด้วยก็ได้  

          4.อดทนต่อสิ่งยั่วยุภายนอก...ในสามข้อแรกที่กล่าวไปนั้น หมายถึงสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ เป็นสิ่งที่ดาราอย่างคุณไม่อยากจะประสบพบพักตร์เป็นอย่างยิ่ง แต่ในข้อที่สี่นี้ เป็นเรื่องที่น่ารักน่าใคร่ ที่ใครหลายๆคนเห็นแล้วสุดจะทน เป็นต้องอยากรู้อยากลอง ข้อนี้และเป็นโจทย์เหล็กและน่ากลัวที่สุด ในประดาบททดสอบต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และมันมักจะผ่านเข้ามาทักทายคุณ ในยามที่คุณว่าง เนื่องจาการเป็น "ดารา" ของคุณนั้น ทำให้ผู้คนจำนวนมาก ต่างก็ให้ความสนใจในตัวคุณ คุณจึงกลายเป็นแม่เหล็กไฟฟ้า ดึงและดูด เอาคนที่ดีและไม่ดีให้ผ่านเข้ามา แม้บางทีคุณอาจจะรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่คุณกำลังคิดทำอยู่นั้น มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง มันอาจจะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม ผิดจรรยา หรือผิดมารยาท แต่คุณก็ไม่สามารถที่จะหักห้ามใจเอาไว้ได้ เพราะมันยั่วยวนใจของคุณเหลือเกิน ความอดทนในข้อนี้จึงต้องใช้สติและปัญญา ช่วยต่อสู่กับความอยากและความหื่นกระหายในใจของคุณ เพราะถ้าคุณตัดสินใจผิดพลาด สิ่งที่คุณเพียรสร้างมันมาทั้งหมด ก็จะพังครืนลงไปในพริบตา...กว่าวงการบันเทิงจะอ้าแขน ( ขา ) ต้อนรับคนอย่างคุณกลับสู่วงการบันเทิงอีกครั้ง วันและเวลา ก็จะนำพาความอ่อนแอและความแก่ชรามาสู่ตัวคุณในที่สุด แล้วคุณจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาสานฝันของคุณต่อ 

               คนสารพัดขี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ติชม ด่าทอ สาปแช่ง บอกรัก