วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2559

พรแสวงสู่การ "ทำเงิน"




พรแสวงสู่การ "ทำเงิน" 
การทำเงินก็เหมือนกับการทำงาน ถ้าคุณไม่มีพรสวรรค์ คุณก็ต้องมีพรแสวง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนได้ ไม่จำเป็นต้องเก่งมาตั้งแต่เกิด ซึ่งผมได้แบ่งกระบวนการฝึกฝนเอาไว้ดังต่อไปนี้ 
1.เป็นผู้นำ 
2.กล้าที่จะเปลี่ยน 
3.กล้าที่จะเสี่ยง 

1.เป็นผู้น...ก็มีด้วยกันอยู่ 3 สถาน คือ นำตัวเอง นำครอบครับ และนำสังคม แต่ ณ จุดนี้ เอาตัวเองให้ได้ก่อน เพราะถ้านำตัวเองไม่ได้ก็จะนำคนอื่นไม่ได้ด้วยเช่นกัน 
นำตัวเอง...ก็คือเป็นตัวของตัวเอง ไม่ตามกระแส ไม่ตามผู้ใด อะไรเป็นสิ่งที่ดีงาม คู่ควรกับตัวของเราเอง ทำแล้วไม่ผิดกฏหมาย ไม่ผิดศีลธรรม ก็สามารถทำสิ่งนั้นได้เลย ในหัวข้อนี้ หากคุณเป็นแต่ผู้ตามแนวคิดของคนอื่น คุณก็คงไม่มีวันที่จะเป็นเจ้าของเงิน เพราะเงินชอบอยู่กับคนที่เป็นผู้นำ สามารถปกป้องคุ้มครองตัวเงินได้ดีเท่านั้น หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "เป็นเจ้าคนนายคน" ก็ย่อมได 

2.กล้าที่จะเปลี่ยน...เมื่อเป็นผู้นำแล้วก็ต้องหัดสร้างแบรนด์ สร้างเอกลักษณ์ ให้กับตัวเองด้วย เพราะการก็อปปี้ผลงานของคนอื่นมาไว้ในมือตนนั้น มีความเสี่ยงต่อการทำผิดกฏหมาย ผิดศีลธรรม ถึงแม้ไม่ได้ผิด ก็ไม่ได้รับการยกย่อง หรือได้รับความน่าเชื่อถือเท่าที่ควร ดังนั้นผู้ที่อยากทำเงิน จึงควรกล้าที่จะคิด กล้าที่จะเปลี่ยน ไปทำสิ่งใหม่ๆเพื่อดึงดูดเอากระแสทรัพย์เข้ามาไว้ในมือตน เพราะเงินก็เหมือนกับคน คือเบื่อหน่ายอะไรที่มันซ้ำซากจำเจ การเปลี่ยนไปทำอะไรใหม่ๆที่ไม่ซ้ำกับคนอื่น จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด 

3.กล้าลงทุน...จุดนี้เมื่อคุณมีความเป็นผู้นำและกล้าที่จะเปลี่ยนแล้ว ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้คุณ "ทำเงิน" ได้ คุณต้องกล้าที่จะเสี่ยงด้วย กล้าเสี่ยง...คือกล้าลงทุนไปกลับไอเดียใหม่ๆของตัวเอง ความต่างของคนรวยกับคนจนอยู่ที่ข้อนี้ด้วย เมื่อคนรวยอยากทำเงิน จึงกล้าที่จะเสี่ยงกล้าลงทุนด้วยเงิน ซึ่งต่างจากคนจนที่มักจะลงทุนด้วยแรงเป็นหลัก คนจนจึงได้แต่ความเหน็ดเหนื่อยและเอาแต่บ่นว่า ได้เงินไม่คุ้มกับแรงงาน 
แต่ในที่นี้...ผมจะไม่ขอวิเคราะห์เจาะลึกอะไรมาก ให้คุณไปศึกษาอัตชีวประวัติของมหาเศรษฐีร้อยล้านพันล้าน กันเองก็แล้วกัน 

ดำรงสถาณะของการ "ทำเงิน" 

เมื่อคุณได้ศึกษา "ศาสตร์และศิลป์" สู่การทำเงิน มาถึงหัวข้อนี้แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถทำเงิน หรือเก็บรักษาเงินที่มีอยู่นั้นไปได้ตลอดชีวิต คุณจำเป็นต้องปรับทัศนคติเกี่ยวกับงานและเงิน ให้ถูกต้อง ย้ำคิด ย้ำพูด ย้ำทำ และตั้งคำถามที่เป็นประโยชน์ให้กับตัวเอง เช่น 
คนรวย...มักจะตั้งคำถามว่า "ทำยังไง ฉันถึงจะทำเงินได้โดยไม่ต้องทำงานหนัก" 
คนจน...ชอบตั้งคำถามว่า "ฉันจะทำงานอะไร ฉันถึงจะมีเงินเก็บไปตลอดชีวิต" 
แค่การตั้งคำถามก็บ่งบอกถึงระดับจิตของคนรวย และคนจนแล้ว ว่าให้ความสำคัญกับอะไร

คนรวย...โฟกัสไปที่ "เงิน" เพราะตั้งคำถามว่าฉันจะทำเงินยังไง? ใจของคนรวยจึงเกาะเกี่ยวอยู่กับเงิน รักและผูกพันกับเงิน โดยไม่รู้ตัว คนรวยจึงสามารถดึงดูดเอาเงินเข้ามาไว้ในครอบครอง ง่ายและเร็วกว่าคนจนทั่วๆไป 

คนจน...โฟกัสไปที่ "งาน" เพราะตั้งคำถามว่า ฉันจะทำงานอะไร? ฉันถึงจะมีเงินใช้ จึงใจของคนจนจึงเกาะเกี่ยวอยู่กับงาน รักและผูกพันอยู่กับงานโดยไม่รู้ตัว จึงดึงดูดงานเข้ามาไว้ในมือมาก จนไม่รู้จะลำดับความสำคัญ ก่อนหลังยังไง 

ดูอย่างลูกจ้างที่ทำงานเก่งๆสิ เจ้านายก็มักจะแจกจ่ายงานไปให้ จนงานล้นมือ แม้จะได้ค่าแรงที่สมน้ำสมเนื้อกับเวลาที่เสียไป แต่เมื่อกลับถึงบ้าน ก็แทบจะไม่มีแรงยิ้มให้กับคนในครอบครัว 
ดังนั้น หากจะดำรงสถานะของการทำเงินเอาไว้ให้ได้ตลอดชีวิต พึงปรับทัศนคติที่มีต่องานและเงินให้ถูกต้อง

https://www.facebook.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ติชม ด่าทอ สาปแช่ง บอกรัก